วันศุกร์ที่ 16 ธันวาคม พ.ศ. 2554

ตกขาวคืออะไร เกิดขึ้นได้อย่างไร

    ตกขาวคืออะไร เกิดขึ้นได้อย่างไร













วันนี้ทาง
http://sunclaraplus.blogspot.com/ จะมานำเสนอข้อมูล เรื่อง ตกขาว หรือ ระดูขาว
ทุกคนเคยรู้จัก หรือได้ยินชื่อ หรือบ้างก็มีประสบการณ์เป็นระดูขาว ผ่านมาแล้ว เรามาเริ่มทำความรู้จัก กันเลยดีกว่า



ทำอย่างไรดี เมื่อรู้ว่าเป็นตกขาว


นับเป็น เรื่องธรรมชาติของผู้หญิงในช่วงวัยเจริญพันธุ์ ที่นอกจากจะมีประจำเดือน ซึ่งคุณผู้หญิงทั้งหลายจะต้องเป็นกันทุกคนในทุกเดือนแล้ว แต่ก็ยังมีขอวเหลวอีกชนิดหนึ่ง ที่มักจะหลั่งออกมาจากช่องคลอดบ่อยๆ ไม่เป็นเวลา ซึ่งเรารียกว่า ตกขาวหรือระดูขาว


ตกขาวคืออะไร และเกิดขึ้นได้อย่างไร
ตกขาว คือ สิ่งที่ถูกขับออกมาตามธรรมชาติ มีหน้าที่หล่อลื่นภายในช่องคลอด จะสังเกตุเห็นว่าในเวลาที่มีการร่วมเพศ สารนี้จะหลั่งออกมามากกว่าปกติ เพื่อหล่อลื่นและลดการเสียดสี ทำให้ไม่รู้สึกเจ็บในขณะร่วม โดยปกติตกขาวจะมีลักษณะเป็นมุกลื่นสีขุ่นเล็กน้อย นอกจากจะหลั่งออกมาในเวลาร่วมเพศ หรือเวลาที่มีการตื่นเต้นแล้ว อาจหลั่งออกมาในภาวะที่ระดับฮอร์โมนในร่างกายมีการเปลี่ยนแปลงตามรอบเดือน ภาวะการตั้งครรภ์ การใช้ยา หรือใส่ห่วงคุมกำเนิดและการรับประอาหารหรือยาบางชนืด ซึ่งหากเกิดจากสาเหตุดังกล่าว ถึงแม้จะหลั่งออกมามาก แต่ถ้าหากว่าไม่มีสีและกลิ่นที่ผิดปกติ ก็ไม่ถือว่าเป็นตกขาวที่ผิดปกติ

อย่างไรก็ดีควรจะหมั่นรักษาความสะอาดใน บริเวณจุดที่ซ่อนเร้นนั้น อยู่เป็นประจำและไม่ปล่อยให้เกิดการอับชื้น

เชื้อโรคตัวการร้าย ทำลายตกขาว เมื่อใดก็ตามที่คุณดำรงตนอยู่ในภาวะที่มีความเสี่ยงต่อโรคอยู่เสมอๆ เชื้อโรคหลายแหล่งที่เฝ้ารอโอกาสอยู่แล้วย่อมจะเข้าจู่โจมคุณ

ตัวการสำคัญที่ทำให้ตกขาวมีลักษณะผิดปกติ นั้นก็คือ เชื้อโรค ได้แก่ เชื้อราในช่องคลอด และเชื้อโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ได้แก่ เชื้อราในช่องคลอด ตกขาวจะมีลักษณะเป็นสีเหลืองไปจนถึงสีเขียว ร่วมกับมีอาการคันที่ปากมดลูกหรือบริเวณช่องคลอด






การรักษา



ถ้าแพทย์ตรวจวิเคราะห์พบเชื้อรา แพทย์จะใช้ยาเหน็บฆ่าเชื้อรา ในกรณีที่มีสามี แพทย์จะให้รักษาสามีด้วย โดยการใช้ยาทาบริเวณอวัยวะเพศ เพื่อป้องกันมาติดอีก และควรงดการร่วมเพศอย่างน้อย 2 สัปดาห์ (ทางเลือกใหม่ ผู้หญิง ควรทาน ซันคลาร่า หายได้โดยไม่ต้องใช้ยาเหน็บอีกต่อไปแล้วคะ)



ผู้หญิงเมื่อมีประจำเดือน หลายคนมักมีอาการปวดท้องร่วมด้วยเสมอ แต่หากปวดมากๆและบ่อย ระวัง...อาจเป็น "ช็อกโกแลต ซีสต์"ได้! โดยปกติในระหว่างรอบประจำเดือน เยื่อบุมดลูกจะมีการเปลี่ยนแปลง คือ ใน 1 รอบประจำเดือน จะยาวประมาณ 28 วัน ซึ่งอาจสั้น หรือยาวกว่านี้ ในแต่ละบุคคล โดยนับวันที่ประจำเดือนหมดคือวันที่ 5 รังไข่จะผลิตฮอร์โมนเพศสตรีมากกระตุ้นเยื่อบุมดลูกให้เจริญและหนาตัวขึ้น มีเส้นเลือดนำอาหารมาเลี้ยงมากขึ้นเพื่อเตรียมรับการตั้งครรภ์ ประมาณวันที่ 14 ของรอบเดือน เยื่อบุมดลูกจะหนากว่าระยะเริ่มต้นถึง 10 เท่า และช่วงนี้จะมีการตกไข่ ไข่จะถูกจับเข้าไปในท่อนำไข่ และถ้าได้ปฏิสนธิ กับเชื้ออสุจิ จะเคลื่อนเข้าไปในมดลูกและฝังตัวอยู่ในเยื่อบุมดลูก ถ้าไข่ไม่ได้รับการปฏิสนธิ จะสลายตัวไป ระดับฮอร์โมนก็จะลดลงโดยมีการลอกหลุดตัวของเยื่อบุมดลูกกลายเป็นประจำเดือน ออกมาประมาณวันที่ 28 ของรอบเดือนแล้วก็เริ่มต้นรอบเดือนใหม่เช่นนี้ไปเรือยๆ ในทุกๆ เดือน แต่สำหรับโรคนี้ เมื่อผู้หญิงมีประจำเดือน ที่เยื่อบุโพรงมดลูกซึ่งจะมีลักษณะเป็นถุงน้ำที่ภายในมีเลือดเคลื่อนตัวออก จากโฑรงมดลูกหลุดไปติดต่อท่อนำไข่ แล้วไปเจริญเติบโตในอวัยวะต่างๆ เช่น อุ้งเชิงกราน ท่อรังไข่ ลำไส้ ช่องคลอด มดลูก กระเพาปัสสาวะ โดยหากมารวมอยู่ที่ รังไข่จะเรียกว่า ช็อกโกแลต ซีสต์ มีลักษณะเป็นก้อนกลมๆ เหมือนช็อกโกแลต ซึ่งเป็นเลือดเก่า แทนที่จะออกมาทางช่องคลอดตามปกติ โรคนี้ทางการแพทย์เรียกว่า "เยื่อบุโพรงมดลูกขึ้นผิดปกติ Endomertiosos เช่น มีอาการปวดท้องน้อยเรื้อรังเมื่อมีประจำเดือน โดยจะปวดด้านหน้า ตั้งแต่สะดือไปถึงอุ้งเชิงกราน ส่วนด้านหลังตั้งแต่เอวไปถึงก้นกบ บางคนปวดมาก บางคนปวดน้อยปรากฏการณ์นี้จะเป็นเช่นนี้ทุกๆ เดือนและเกิดปฏิกิริยาขึ้นทุกครั้งที่มีเลือดออกพร้อมกับการมีประจำเดือน ทำให้มีเยื่อพังผืดหนาตัวขึ้นเรื่อยๆ ในอุ้งเชิงกราน บางครั้งถุงเลือดที่มีอยู่เดิมแตกออกมา ทำให้เลือดและเยื่อบุมดลูกกระจายไปเจริญขึ้นในที่อื่น ทำให้เพิ่มความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ การมีพังผืดตามอวัยวะต่างๆ มากเช่นนี้เป็นผลให้การตกไข่ออกมาจากรังไข่ไปไม่ดีหรือไปไม่ได้และท่อนำไข่ ก็ไม่สามารถทำงานการจับไขเข้าไปได้ เพราะมีการยึดรั้งจากพังผืดหรือทำให้ ท่อนำไข่ตีบตันเป็นสาเหตุนำคัญของการมีบุตรยาก

ในกรณีที่เคยปวดประจำเดือนมาก่อน แต่พออายุ 30 ปี ขึ้นไปแล้ว กลับมีอาการปวดและปวดมากขึ้นเรื่อยๆ ในแต่ละเดือนสันนิษฐานได้ว่าอาจปวดจากเยื่อบุโพรงมดลูกขึ้นผิดที่ได้ ฉะนั้น เยื่อบุโพรงมดลูกขึ้นผิดที่จะเกิดขึ้นกับผู้ที่มีประจำเดือนเท่านั้น โดนก่อนวัยมีประจำเดือนหรือวัยหมดประจำเดือนจะไม่พบโรคนี้ เนื่องจากเป็นโรคที่ยังไม่ทราบสาเหตุแน่ชัด ส่วนมากเป็นทางกรรมพันธุ์ พบประวัติว่า มารดา พี่ น้อง เป็นโรคนี้ แต่โชคดี คือ มีเพียง1% เท่านั้นที่จะกลายเป็นเนื้อร้าย วิธีบรรเทาอาการปวดจึงรักษาตามอาการ หากมีอาการปวดเพียงเล็กน้อยจะประคบด้วยน้ำร้อน ปวดกลางๆ แต่ทนได้ให้ทานยาแก้ปวด ถ้าปวดมากต้องใช้ยาเฉพาะทาน พบว่า ประมาณร้อยละ 43 ผู้ป่วยจะมาพบแพทย์หลัง มีอาการประมาณ 1 ปี การตรวจร่างกายมักไม่พบความผิดปกติ ที่ชัดเจน หลังการตรวจด้วยคลื่นเสียงความถี่สูงหรือการทำอัตราซาวด์ อาจจะพบถุงน้ำที่รังไข่ ในบางครั้งอาจต้องใช้วิธีตรวจโดยการใช้กล้องส่องเข้าไปในช่องท้อง "กรณีถุงน้ำที่รังไข่มีขนาดเล็กอาจจะให้การรักษาด้วยยา ร้อยละ 60 ที่รักษาด้วยยาไม่ดีขึ้นด้องผ่าตัด

จากการศึกษาพบว่า" การ รักษาอาการปวดที่เกิดจากภาวะช็อกโกแลต ซีสต์ แพทย์นิยมให้ผู้ป่วยฉีดยาคุมกำเนิดทุก 3 เดือน เป็นเวลา 12 เดือน หรือให้ทานยาเม็ดคุมกำเนิดฮอร์โมนต่ำ พบว่า ทั้งสองวิธีได้ผลสามารถทำให้ขนาดของช็อกโกแลตซีสต์ลดลง ภาวะของ "โรคช็อกโกแลต ซีสต์ ไม่เพียงแต่จะก่อให้เกิดอาการปวดทุกครั้งเมื่อมีประจำเดือน ไม่สามารถทำงานได้อย่างมีความสุข หากปล่อยทิ้งระยะเวลาไว้นานอาจทำให้เกิดการสร้างเยื่อพังผืดขึ้นมาล้อมรอบ ยิ่งถ้าเป็นบริเวณลำไส้ใหญ่จะทำให้ผ่าตัดได้ยาก เนื่องจากขณะทำการผ่าตัดเองพังผืดออกอาจทำให้มีโอกาสไปโดยลำไส้ได้จำต้องผ่า ตัดเพื่อเย็บลำไส้ซำอีกครั้ง "สตรีที่เป็น โรคนี้จะมีภาวะมีบุตรยากขึ้นกว่าคนไม่เป็นโรค บางรายแพทย์ตรวจพบโรคนี้จากการตรวจหาสาเหตุของการ ไม่มีบุตร เมื่อทำการรักษาหรือผ่าตัดช็อกโกแลต ซีสต์ ออกไปแล้วอาจทำให้มีลูกได้"














1 ความคิดเห็น:

  1. ไม่ระบุชื่อ16 ธันวาคม 2554 เวลา 03:44

    สนใจสั่งซื้อได้ที่ คุณ...กัญชลิกา โคตะขุน (คุณ.กุ้ง)

    โทร 083-977-8111 True
    082-701-6555 Dtac
    084-556-5115 Ais

    สายด่วน!!! โทร 083-977-8111, 082-701-6555, 084-556-5115 (คุณ.กุ้ง)






    .

    ตอบลบ